สมจิตร จงจอหอ
“ผมเจ็บมาเยอะ” บทเรียนชีวิต สมจิตร จงจอหอ
เปิดบทเรียนชีวิตยอดนักชกฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก “สมจิตร จงจอหอ” เมื่อความล้มเหลวเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ และการจัดการกับ “เงิน” ที่ถาโถมเข้ามา
หากจะเอ่ยถึงยอดนักชกชาวไทยที่ผ่านเวทีประชันขันแข่งในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ในหลายครั้งที่ผ่านมา เชื่อว่า แฟนหมัดมวยชาวไทยคงจะหลับตานึกถึงหน้ายอดฝีมืออย่าง สมรักษ์ คำสิงห์ หรือ มนัส บุญจำนงค์ ได้เป็นลำดับต้นๆ ที่ล้วนแต่สร้างเกียรติประวัติด้วยการคว้าเหรียญทองได้ในฐานะฮีโร่
ประวัติ สมจิตร จงจอหอ
สมจิตร จงจอหอ ชื่อเล่นชื่อ “น้อย” เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2518 ที่ ตำบลจอหอ อำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นบุตรของ นายเช้า และนางฝ้าย จงจอหอ สมรสกับ ศศิธร เนาว์ประเสริฐ หลังจากนั้นย้ายมาอยู่ที่ จังหวัดนครราชสีมา มีบุตร 1 คน ชื่อ เด็กชายอภิภู จงจอหอ (น้องกำปั้น) ด้านการศึกษา เข้าศึกษาที่ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุโขทัย ได้รับเหรียญทองจากรายการต่าง ๆ มามากมายไม่ว่าจะเป็น เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ, มวยทหารโลก, เอเชียนเกมส์[1] ซึ่งก่อนหันมาชกมวยสากลสมัครเล่น สมจิตรได้เคยชกมวยไทยมาก่อน ในชื่อว่า ศิลาชัย ว.ปรีชา
สมจิตร เป็นตัวเต็งในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 28 และเอเชียนเกมส์ 2006 แต่ว่าไม่สามารถที่จะคว้าเหรียญทองได้ตามคาด ทำให้สมจิตรท้อและมีความคิดจะแขวนนวมถึง 2 ครั้ง 2 คราว แต่ท้ายที่สุดก็หันกลับมาตั้งต้นใหม่
หลังจากนั้นในการแข่งขัน โอลิมปิกครั้งที่ 29 สามารถคว้าเหรียญทองมวยสากลสมัครเล่น รุ่น51 กิโลกรัม มาได้สำเร็จ โดยชนะอันดริส เฮอร์นานเดซ ชาวคิวบา ที่สมจิตรเคยแพ้ในครั้งเวิลด์แชมเปียนชิพ ที่ประเทศจีน เมื่อปี 2548

สมจิตร จงจอหอ เข้าสู่วงการมวยได้อย่างไร
ผมอยากได้ของเล่น บ้านมีพี่น้อง 7 คน ผมเป็นคนเล็ก อยากได้ปืนแก๊ปกระบอกหนึ่ง แม่ไม่มีเงินให้ เลยให้พี่ชายพาไปเปรียบมวยในงานวัด ก็ได้ต่อยเย็นนั้นเลย ชนะได้มาร้อยนึง ผมเอาเงินนั้นแหละมาซื้อปืนแก๊ป อายุ 8 ขวบเดินใส่ลูกปืนยิง ปัง ปัง ปัง คิดในใจ ต่อยมวยได้ตังค์นี่หว่า ได้ของเล่นที่อยากได้ เหลือเงินให้แม่ด้วย เอาวะ ปืนแก๊ปกระบอกนั้นกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้อยากต่อย และไปงานวัดตลอดพอจบม.3 แม่ไม่มีเงินส่งเรียน ทรัพย์สินที่บ้านไปหมดแล้ว เพราะพ่อติดการพนันหนัก เลยขอแม่ไปต่อยมวยที่ชลบุรี เพื่อนที่เรียนจบ ป.6 มาด้วยกัน มันชวนไปอยู่ด้วย ไปต่อยมวยไทยเป็นอาชีพจริงจัง ใช้ชื่อ “ศิลาชัย ว.ปรีชา” เป็นนักมวยระดับกลางๆ ค่าตัว 6 หมื่นบาท พอมีชื่อในระดับหนึ่ง ผมส่งเงินให้แม่เรื่อยๆ เอาไปซื้อปุ๊ย ซื้อยา ทำนา ภูมิใจที่ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้
ชีวิตช่วงนั้นเป็นอย่างไร
เป็นหมาล่าเนื้อ ได้มาก็ใช้ไป เดือนหน้าก็ชกอีก เป็นเรื่องปกติของนักมวย เราไม่มีการศึกษา ไม่มีการวางแผนใช้เงิน รายได้ก็ไม่ได้เยอะแต่มีภาระมาก ผมค่าตัว 5-6 หมื่นอยู่ระดับกลางๆ ต่อยเดือนละครั้ง ได้ 3 หมื่นหักคนละครึ่งกับหัวหน้า ให้พ่อแม่ 2 หมื่น เราเหลือ 1 หมื่น ใช้จ่ายไปเรื่อย ไม่มีเงินเก็บ เป็นวิถีของวิถีหมาล่าเนื้อ วันไหนหาได้ก็มีความสุข วันใดเคี้ยวเล็บผุกร่อนก็ไม่สามารถล่าเนื้อได้
มาชกมวยสากลฯ ตอนไหน
อายุ 21 ปี เริ่มชกแพ้บ่อย เลยตัดสินใจเลิกชกไปเลย ออกไปทำงานอยู่ร้านซักรีดกับพี่สาว รีดผ้าอยู่เห็นทีวีประกาศขอเชิญผู้ชายอายุตั้งแต่ 18 แต่ไม่เกิน 25 ปี เข้าร่วมการแข่งขันมวยชิงแชมป์แห่งประเทศไทยเพื่อคัดตัวเป็นทีมชาติ เราก็เอาเว้ย ลองวะ ไปสมัครที่สมาคมฯ อีกสองเดือนกว่าจะมีการชก ผมไปขอซ้อมที่ค่ายมวยคลองเตย ถึงเวลาขึ้นชก ไฟท์แรกชนะ ไฟท์สองแพ้สมรถ คำสิงห์ พี่ชายสมรักษ์ คำสิงห์ ก็คิดว่าจบแล้วชีวิตนักมวย แต่เผอิญไปเข้าตา พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ (นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ) เขาติดต่อให้ไปชกให้ทหารบก เราก็เอา บรรจุให้เป็นทหาร พลอาสาสมัครรับเงินเดือนละ 4,100 บาท ต่อยมวยให้กองทัพ ได้เหรียญทองเรื่อยมา สุดท้ายก็เลยติดทีมชาติชุดซี ถ้าเขาไม่เอาผมตอนนั้น อาจจะนั่งดมถุงกาวอยู่แถวคลองเตยแล้ว
ความสำเร็จครั้งแรกในฐานะทีมชาติ
เหรียญทองซีเกมส์ ปี 2542 ที่ประเทศบรูไน ผมเป็นตัวสำรองมาตลอด ติดทีมซี แต่เผอิญตอนนั้นทีมเอเขาไปเก็บตัวที่อเมริกา เพื่อเตรียมไปแข่งโอลิมปิก เราเลยได้โอกาสขยับไปต่อยซีเกมส์แทน ถ้าเขาอยู่เราไม่ได้ชกหรอก เหมือนเป็นตัวขัดลำ ตอนนั้นอายุ 22 ปี ไปครั้งแรกได้แชมป์เลย ได้เงินประมาณ 2 แสนบาท ดีใจมากต่อยในนามทีมชาติได้เงินรางวัล หลังจากนั้นก็ได้แชมป์ซีเกมส์ติดต่อกัน 5 สมัย

ความล้มเหลวในโอลิมปิกปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์
ร้องไห้ฮือๆ เลย ต่อยแมตท์แรกชนะ แมตท์ที่สองแพ้ เจ็บปวดมาก ตกรอบแล้วต้องอยู่ต่อที่นั่นอีก 7 วัน ระหว่างนั้นสมองฟุ้งซ่าน จิตตก คิดมากน้อยใจตัวเอง ทำไมวะ ทำไมกูถึงแพ้ อายุ 29 ปีแล้ว กูต้องรออีก 4 ปี แล้วอีก 4 ปี กูจะคัดติดไหม คัดติดแล้วจะได้เหรียญไหม
มนัส บุญจำนงค์ , วรพจน์ เพชรขุ้ม , สุริยา ปราสาทหินพิมาย พวกนี้รุ่นน้องผมหมด อายุห่างจากเราเกือบ 10 ปี แต่น้องมันประสบความสำเร็จ ก่อนไปเราเป็นตัวเต็ง แต่ขากลับภาพบรรยากาศที่สนามบิน ไม่มีใครแม้แต่จะต้อนรับเรา ทุกคนมีที่ยืนบนเวที ทีมงานจัดแจง เหรียญทอง เหรียญเงินอยู่ด้านหน้านะครับ คนไม่ได้เหรียญอยู่ด้านหลังนะครับ เราก็ขึ้นตามเขาไป สักพักพวกเจ้าหน้าที่สมาคมดึงแขนเรา บอก ไปๆ ไม่ต้องยืนหรอก ออกไป ออกไป ลองคิดดูดิ ความรู้สึก แพ้มาแล้วมาโดนอย่างนี้อีก แม่งแบบ พูดไม่ออกอ่ะ ไม่แค้นนะ แต่จุกในใจ รู้สึกเดียวดายมาก เหมือนเป็นอากาศไม่มีตัวตน เดินร้องไห้ที่สนามบินเลย คิดในใจทำไมชีวิตกูแย่ ร้องไห้อยู่ 3 เดือน ระหว่างนั้นก็เดินสายไปกับทีม ไปราชบุรีบ้านของมนัส บุญจำนงค์ ไปถึงเขาขึ้นเวทีไปรับเหรียญทอง ส่วนเราได้แค่โอ่งมังกร
สุดท้ายก็คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ
ตอนนั้นพอใกล้ถึงเวลาเริ่มกลัว คิดในใจต้องทำอะไรวะ ถ้าไปเหมือนเดิมกูแพ้อีกจบเลย ยังหลอนอยู่ สุดท้ายฟิตร่างกายอย่างเต็มที่ ระหว่างไปเก็บตัวต่างประเทศก็ได้ซ้อมกับพวกรุ่นเดียวกันจากชาติอื่น ชนะเขาหมดเลย เราเริ่มมั่นใจ รู้แล้วจะเอาชนะพวกมึงอย่างไร คิดในใจคนเดียวว่า รอบนี้มีเหรียญแน่ๆ
ผมพอใจมากกับแต่ละแมตช์ที่ต่อย รู้สึกคุ้มค่ากับสิ่งที่ฝึกซ้อมมาตลอด 4 ปี ผมกล้าการันตีเลยว่าผมมืออาชีพมากในการฝึกซ้อม จะต่อยพรุ่งนี้ วันนี้เอาเทปมาดู ดูเสร็จหลับตานึกถึงตัวเองตอนอยู่บนเวที คู่ต่อสู้ขยับเข้าหาเรายังไง สู้ด้วยความคิด สุดท้ายลืมตา ก่อนปิดสวิตช์นอน เชื่อไหมภาพมันจะกลับมาตอนเราขึ้นเวทีจริง เพราะเราคิดวางแผนล่วงหน้าเอาไว้แล้ว มันจะรู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิ และทำให้กล้ามเนื้อพร้อมใช้งาน
เมื่อปี 2004 นั่งเก้าอี้ก่อนขึ้นเวที คิดอย่างเดียว ต้องชนะให้ได้ แพ้ไม่ได้ นี่คือคิดผิด ถึงเวลาขึ้นเวทีเกร็งเลย แต่อีก 4 ปีต่อมา นั่งเก้าอี้ตัวเดิม คิดเลยว่า เดี๋ยวกูจะขึ้นไปโชว์ ออกหมัดสวยๆ ฟุตเวิร์คสวยๆ ให้คนไทยได้ดู ว่ากูนี่สุดยอด
ทุกวันนี้ชีวิตได้เหมือนดั่งที่คิดไว้ไหม
หลังจากเลิกชกมวย ผมคิดว่าผมมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่นะ หนึ่งรับราชการ สองมีโอกาสด้านสังคม ด้านบันเทิง เงินมากบ้าง น้อยบ้าง แต่ผมมีโอกาสได้ตอบแทนสังคม ผมได้เป็นวิทยากร ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มอบอุปกรณ์กีฬาให้ 200 กว่าโรงเรียนด้วยเงินส่วนตัวกับเพื่อน นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่า เราได้ตอบแทนกลับสู่สังคม หลังจากสังคมให้โอกาสเรา ผมตั้งปณิธานว่าจะทำไปเรื่อยๆ กระทั่งตายไปจากแผ่นดินนี้
ขอฝากถึงนักกีฬาทุกคน จงจำไว้เสมอว่า เราเหมือนหมาล่าเนื้อ ในวันที่คุณมีแรงเล่นกีฬาให้กับสโมสรหรือทีมชาติ คุณจงจำเสมอว่า มันมีวันอวสานอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นคุณต้องวางแผนให้ดีว่าเงินที่ได้มาคุณจะทำอะไร ถ้านึกไม่ออกก็เก็บเงินไว้ในที่ปลอดภัยอย่างแบงก์ แล้วค่อยๆ คิด รู้จักสำรองเอาไว้ให้กับความผิดพลาดและความเสี่ยงด้วย

ผลงาน สมจิตร จงจอหอ
เหรียญทอง กรีนฮิลคัพ พ.ศ. 2541 ประเทศปากีสถาน
เหรียญทอง ซีเกมส์ พ.ศ. 2542 ประเทศบรูไน
เหรียญทอง ซีเกมส์ พ.ศ. 2544 ประเทศมาเลเซีย
เหรียญทอง ชิงแชมป์เอเซีย พ.ศ. 2545 ประเทศมาเลเซีย
เหรียญทองเอเซียนเกมส์ พ.ศ. 2545 ประเทศเกาหลี [4]
เหรียญทองแดง โกลเด้นเบลท์ พ.ศ. 2546 ประเทศโรมาเนีย
เหรียญทองเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ พ.ศ. 2546 ประเทศไทย
เหรียญทอง ซีเกมส์ พ.ศ. 2547 ประเทศเวียดนาม
เหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเซีย พ.ศ. 2547 ประเทศฟิลิปปินส์
เหรียญเงินเอเซียนเกมส์ พ.ศ. 2549 ประเทศกาตาร์ [4]
เหรียญทอง มวยทหารโลก พ.ศ. 2550 ประเทศแอฟริกาใต้
เหรียญทอง ซีเกมส์ พ.ศ. 2550 ประเทศไทย
เหรียญเงินเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ พ.ศ. 2550 ประเทศสหรัฐอเมริกา
เหรียญทองโอลิมปิกฤดูร้อน พ.ศ. 2551 ประเทศจีน
ผลงานในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008
สมจิตรเข้าแข่งขันในรุ่นฟลายเวท (51 กิโลกรัม) โดยเส้นทางการชกเป็นดังนี้
รอบ 32 คนสุดท้าย (12 สิงหาคม พ.ศ. 2551): ชนะ เอ็ดดี้ วาเลนซูเอลา (? กัวเตมาลา ) 6-1
รอบ 16 คนสุดท้าย (16 สิงหาคม พ.ศ. 2551): ชนะ ซามีร์ มามาดอฟ (? อาเซอร์ไบจาน ) 10-2
รอบ 8 คนสุดท้าย (20 สิงหาคม พ.ศ. 2551): ชนะ อันวาร์ ยูซูนอฟ (? ทาจิกิสถาน ) 8-1
รอบรองชนะเลิศ (22 สิงหาคม พ.ศ. 2551): ชนะ วิเซนโซ ปิกาดี (? อิตาลี ) 7-1
รอบชิงชนะเลิศ (23 สิงหาคม พ.ศ. 2551): ชนะ อันดริส ลาฟฟิตา เฮอร์นานเดซ ( คิวบา) 8-2
ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ : ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์
ดูบทความวิธีเลี้ยงไก่ชนได้ที่บ้านไก่ชน : วิธีดู สกุลไก่พม่า