เมืองไทย พี.เค.แสนชัย

เมืองไทย พี.เค.แสนชัย

เมืองไทย พี.เค.แสนชัย

“ขุนศอกผีดิบ” เมืองไทย พี.เค.แสนชัย มวยไทยยิม หนึ่งในนักมวยแม่เหล็กของวงการมวยไทย ที่เข้าไปนั่งอยู่ในใจมหาชนคนรักชอบศิลปะการต่อสู้ นอกจากฝีมืองัดศอกที่ทำเอาคู่แข่งร่วงมาแล้วหลายรายซึ่งสร้างความประทับใจให้แฟนๆ แล้ว บนสังเวียนชีวิตจริง เมืองไทย ยังเป็นคนมีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน ความประพฤติดีไม่มีเรื่องเสื่อมเสียในวงการ จึงเปรียบเสมือนแรงดึงดูดให้เขามีแฟนคลับติดอันดับต้นๆ ของนักมวยไทยบ้านเรา

อาชีพนักมวย ที่หลายคนอาจมองข้าม บางคนถึงกับเหยียดว่าเป็นอาชีพระดับล่าง แต่จริงๆ พวกเขาก็คือ “นักกีฬา” ประเภทหนึ่ง ซึ่งมีพรสวรรค์ มีความสามารถ และทักษะในการชกมวย ไม่ใช่ทุกคนจะประสบความสำเร็จได้บนเส้นทางสายนี้ แต่หนึ่งในจำนวนนักมวยที่ประสบความสำเร็จอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศไทย ต้องมีชื่อของ เมืองไทย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม

ที่มาของชื่อ "เมืองไทย"

ที่มาของชื่อ “เมืองไทย”

“เมืองไทย” เป็นชื่อที่เขาได้รับตั้งแต่เริ่มชกมวยครั้งแรก โดยพ่อผู้ให้กำเนิดเป็นคนตั้งให้ เพราะคำว่า “เมืองไทย” มีความหมายที่แฝงถึงความยิ่งใหญ่ ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร

พ่อของเมืองไทยชื่อ นายสมัย เจริญดี เป็นคนที่ชอบมวยมาแต่ไหนแต่ไร จึงได้ถ่ายทอดความชอบนี้ให้กับลูกชายทั้งสองคนคือ ธนูศิลป์ (เมืองไทย) และ ศรชัย ซึ่งเป็นพี่ชายของเมืองไทย

แม้พ่อจะไม่มีความรู้เรื่องมวย เพราะไม่เคยเป็นนักมวยหรือครูมวยมาก่อน แต่ก็อุตส่าห์สร้างค่ายมวยเล็กๆ ชื่อ “ศิษย์ศรพิชัย” ไว้ในอาณาบริเวณบ้าน เพื่อให้ลูกชายทั้งสองได้ฝึกซ้อมมวยตามความปรารถนาของตัวเอง

ครอบครัว “เจริญดี” มีสมาชิก 4 คน พ่อแม่และลูกชายสองคน อาชีพดั้งเดิมเป็นชาวไร่ชาวนา ทำงานรับจ้างทั่วไปทุกอย่าง มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ พวกเขาฐานะยากจน หาเช้ากินค่ำเหมือนอย่างพี่น้องชาวภาคอีสานส่วนใหญ่ในประเทศไทย เมืองไทย จึงมีความคิดที่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวอยู่ในหัวเขามาตลอด

พ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งแรก

พ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งแรก

สมัยเด็กๆ ยอดมวยเมืองหนองกี่มีพี่ชายเป็นไอดอล ตั้งแต่เขาจำความได้ก็เห็นพี่ชายเป็นนักมวย ใช้ชื่อ “ก้าวแดงใหญ่ สุรพิชญ์ฟาร์ม” หรือ “ศรพิชัย ศ.ทองประภา” สร้างชื่อเสียงให้ครอบครัว เป็นที่เชิดหน้าชูตาในฐานะแชมป์มวยรอบพัทยาซูเปอร์ยักษ์ของ ช่อง 3 สนามมวยเวทีสยามอ้อมน้อย

ด้วยเพราะอยากประสบความสำเร็จเหมือนพี่ชาย และต้องการช่วยเหลือครอบครัว ด.ช.ธนูศิลป์ ในวันนั้นจึงซุ่มฝึกซ้อมมวยอยู่ในค่ายของครอบครัว และขึ้นสังเวียนครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 7 ขวบ ในงานบุญที่วัดเย้ยปราสาทซึ่งอยู่ในละแวกบ้านที่บุรีรัมย์ โดยใช้ชื่อนักมวยว่า “เมืองไทย ศิษย์ศรพิชัย”

ผลการแข่งขันครั้งแรกไม่เป็นอย่างหวัง เขาเดินลงจากเวทีพร้อมกับความพ่ายแพ้แบบยังงงๆ รับค่าตัว 150 บาท ซึ่งสมัยนั้นค่าแรงขั้นต่ำ 133 บาทต่อคนต่อวัน สำหรับบางคนอาจคิดว่ามันไม่คุ้มกับการเจ็บตัว แต่สำหรับ เมืองไทย ทุกบาทสตางค์มันมีความหมาย และเขาไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่า นั่นคือประตูด่านสำคัญที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการมวยไทยในวันนี้

ฉายา “ขุนศอกผีดิบ”

ฉายา “ขุนศอกผีดิบ”

เมืองไทย ชกสั่งสมกระดูกแถบภูธรอยู่หลายปี จนกระทั่งเขาอายุได้ 14 ปี พ่อแม่ก็ประสบปัญหากับภาระหนี้สินรุงรัง จนต้องพาลูกระเหเร่ร่อนเข้าไปหางานทำที่เมืองกรุง

“พ่อกับแม่พาผมนั่งรถเข้ากรุงเทพฯ ตั้งใจว่าจะไปทำงานก่อสร้าง และหาที่ซ้อมมวยใกล้ๆ กันให้ผม พอดีมีญาติแนะนำให้ไปอยู่ที่ค่ายมวย ส.บุญเยี่ยม โชคดีพ่อกับแม่ผมก็ได้งานทำที่นั่นเลย”

เมืองไทย ได้ฝึกซ้อมอยู่ที่ค่าย ส.บุญเยี่ยม ซึ่งตั้งอยู่ที่รามอินทรา ซอย 39 โดยพ่อของเขาได้งานเป็นเทรนเนอร์ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เขารัก ส่วนแม่ทำงานเป็นแม่บ้านดูแลทำความสะอาดค่ายมวย พร้อมกับดูแลอู่รถแท็กซี่ซึ่งอยู่ติดกัน ซึ่งมีเจ้าของเดียวกันคือ นายเยี่ยม พลสิทธิ์

นักมวยหนุ่มจากเมืองหนองกี่ ได้เปลี่ยนมาใช้สังกัด “ส.บุญเยี่ยม” อย่างเป็นทางการ และได้เลื่อนชั้นขึ้นไปชกในสนามมวยระดับมาตรฐานของประเทศอย่าง สนามมวยเวทีลุมพินี และสนามมวยช่อง 7 สีที่เป็นช่องมวยทีวีโด่งดังไปทุกตรอกซอกซอย

ด้วยสไตล์การชกเดินหน้าบุกไม่กลัวใคร ทำให้ เมืองไทย เป็นชื่นชอบของบรรดาแฟนมวย ถึงกับมีคนตั้งฉายาให้เขาว่า “ไอ้หนูสู้ไม่ถอย – ไอ้หนูไม่ยอมใคร – ไอ้หนุ่มหน้าเดียว” ซึ่งฉายาหลังนี้มาจากบุคลิกที่เป็นหนุ่มยิ้มยากและเก็บอาการเก่ง ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ หรือเจ็บปวด ก็จะคงไว้แค่หน้าเดียว จนที่สุดก็เป็นที่มาของฉายาปัจจุบันว่า “ขุนศอกผีดิบ” หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “Elbow Zombie”

ถ้าเอ่ยคำว่า “ผีดิบ” หรือ “Zombie (ซอมบี)” เชื่อว่าหลายคนคงพอจะนึกอากัปกิริยาออก นั่นแหละความเก็บอาการเก่งของ เมืองไทย เขาล่ะครับ

นักมวยเงินแสน

นักมวยเงินแสน

ในปี พ.ศ.2554 เกิดมหาอุทกภัยน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบไปถึงบ้านพักนักมวยในค่าย ส.บุญเยี่ยม ทำให้ เมืองไทย และครอบครัวต้องอพยพออกจากพื้นที่ และกลับไปพักอาศัยอยู่บ้านที่อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์

ภายใต้ความชุลมุนในช่วงนั้นก็ยังมีเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต เมื่อ เมืองไทย ได้รู้จักกับภรรยาในปัจจุบันอย่าง “น้องนัท” ณัฐมล รองสุพรรณ (เจริญดี) เมื่อครั้งไปเที่ยวงานประจำปี เทศกาลกินไก่ของหนองกี่

เมืองไทย เก็บตัวซ้อมอยู่ในค่ายมวยที่บ้าน เมื่อมีโปรแกรมชกจึงเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ค่อยๆ สั่งสมชื่อเสียงจนกลายเป็นดาวรุ่งที่ทุกคนในวงการมวยรู้จัก กระทั่ง “เสี่ยแขก” สมชาย เทศรุ่งเรือง เกิดความสนใจ ติดต่อให้เปลี่ยนมาใช้สีเสื้อใหม่ในนามค่าย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม เมื่อปี 2557 ความฝันของ เมืองไทย กับการเป็นมวยเงินแสนจึงเริ่มต้น ณ บัดนั้น

กว่า 5 ปีในค่าย พี.เค.แสนชัย เมืองไทย ได้รับการเทรนอย่างมีมาตรฐาน เขาสร้างผลงานชนะน็อกคู่ต่อสู้ด้วยอาวุธศอกที่ถนัดจนเป็นที่ประจักษ์ ทำให้ได้คว้าเข็มขัดแชมป์และรางวัลมากมาย ทั้งสนามมวยเวทีช่อง 7 สี รุ่น 130 ป., แชมป์ประเทศไทย รุ่น 130 ป., รางวัลนักมวยผู้ใช้อาวุธมวยไทยยอดเยี่ยม จากชมรมสื่อสร้างสรรค์กีฬามวยแห่งประเทศไทย (สมท.) ปี 2559 และรางวัลรองนักมวยไทยดีเด่นการกีฬาแห่งประเทศไทยในปีเดียวกัน นอกจากนั้นยังได้รับรางวัลคู่มวยไทยดุเดือด วันมวยไทยแห่งชาติ ในไฟต์ที่ชกกับ กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย เมื่อ 5 มิถุนายน 2561 อีกด้วย

เมืองไทย พี.เค.แสนชัยฯ ในปัจจุบัน

ตอนนี้ เมืองไทย ในวัย 25 ปี มีภรรยาหนึ่ง ลูกหนึ่ง บ้านอยู่หนองกี่ บุรีรัมย์ ซ้อมอยู่ค่าย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม แม้จะขึ้นชกมวยไฟต์ละเป็นแสนๆ ปีหนึ่งชกไม่ต่ำกว่า 6 ไฟต์ รายได้มากกว่าคนมีการศึกษากว่าครึ่งค่อนประเทศ แต่ก็ยังทำตัวติดดิน เข้าตำรา “ทำตัวจน จะไม่จน” ที่สำคัญเขาเป็นคนกตัญญูเลี้ยงดูพ่อแม่ ถึงมีแต่ความเจริญ ช่วงเศรษฐกิจซบเซาเพราะภาวะวิกฤติโควิด-19 ทำให้เขาว่างงานมวย จึงหันไปช่วยภรรยาขายผักอยู่ในตลาดเต็มตัว

นอกจากการชกมวย ภรรยาของเมืองไทย “น้องนัท” ณัฐมล เจริญดี ยังช่วยสามีทำงาน เธอเลี้ยงลูกอยู่บ้าน และเป็นแม่ค้าขายผักอยู่ที่ตลาดเจริญดี อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอาชีพนี้เป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ ทำมาหลายสิบปี หากมีเวลาว่างเว้นจากการชกมวย เมืองไทย ก็จะมาช่วยภรรยาขายผักจนเป็นที่รู้กันทั้งตลาด

การขายผักเป็นอาชีพสุจริต ตื่นเช้าไปรับผักจากแหล่งขายส่ง มาวางขายหน้าร้าน กำไรตกวันละพันกว่าบาท ยิ่งช่วงเทศกาลยิ่งขายดี นับเงินได้ถึงหมื่นบาทก็มี เป็นอีกอาชีพรวยเงียบๆ ที่สามารถเป็นนายตัวเองได้

“ทำตัวจน จะไม่จน” ทุนสังคมมีน้อย ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวฟู่ฟ่า หรือขับรถหรูหราไปอวดใคร กินข้าวกับน้ำพริกจิ้มผักที่ขายเองในร้าน ชีวิตก็มีความสุขได้ แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดทางร่างกาย และความทรมานใจที่ต้องอยู่ห่างไกลครอบครัวในช่วงที่ต้องเข้าค่ายเก็บตัวซ้อมที่กรุงเทพฯ ซึ่งถ้าหากข้ามผ่านอุปสรรคสองอย่างหลังนี้ได้ อย่างอื่นก็ไปลุยเอาบนสังเวียน

เมืองไทย พี.เค.แสนชัยฯ ในปัจจุบัน

ติดตามนักมวยคนอื่นๆ : ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์

เกมยิงปลาที่น่าสนใจ : เกมยิงปลา GOLDEN TOAD FISH HUNTING